FL: อรุณสวัสดิ์
นั่งด้วยนะ ดีใจที่เจอนายก่อนใคร KH
KH: เช่นกัน
FL อรุณสวัสดิ์เพื่อน… เอ่อนี่
อยากรู้มานานละ ทำไมนายถึงได้มาเลือกเรียน สาขาประวัติศาสตร์ที่ ม.อุบลฯ?
FL: ถามได้
ก็ชอบน่ะสิ หรือ KH ไม่ชอบหรอ
KH: ป่าว… เราก็ชอบ แต่เราแปลกใจน่ะ เพราะที่เรารู้มา นายเรียนสายวิทย์
มาตั้งแต่ ม.1 จนถึง ม.6
นายแข่งขันและเข้าค่ายทางวิทยาศาสตร์มาก็มาก ทั้งยังสอบได้คณะอื่น
มหาลัยอื่นก่อนแล้ว ทำไมนายไม่ไปเรียนในสิ่งที่นายได้เรียนรู้มาตลอดในตอนมัธยมล่ะ
FL: อันนี้เราก็พูดยากอยู่นะ
ไม่รู้สิ...ไอ้ที่เราเรียนมาน่ะ เราก็เรียนมันมากว่า 6
ปีแล้ว เราชอบวิชาคณิตศาสตร์มากในตอนช่วง ม.3 จนช่วง
ม.ปลาย บอกตรงๆนะ เราไม่เคยไม่ชอบหรือปฏิเสธวิชาในสายวิทย์
โดยเฉพาะวิชาชีววิทยาหรือการที่ได้เข้าค่ายทางวิทยาศาสตร์
และเรายังผ่านการทำแล็บชีวะมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เล่มล่ะ
ที่จริง เราก็ชอบวิชานี้มาก
KH: ก็แล้วทำไม
นายถึงมาเลือกเรียนสาขาวิชานี้ แทนที่จะเป็นสาขาในกลุ่มคณะวิทยาศาสตร์?
FL: นั้นก็เพราะว่า
เราคิดว่า เราเรียนสายวิทยาศาสตร์มานานแล้ว ถึงอาจจะถนัดในสายวิทย์มากกว่าที่ได้มาศึกษาในสาขาประวัติศาสตร์ในตอนนี้
แต่นั้นไม่สำคัญ เท่ากับที่เราได้เลือกเรียนในสิ่งที่เราชอบมากที่สุด
ซึ่งเราได้พบแรงบันดาลใจในช่วง ม.6 นี้เอง
ทำให้เราชอบประวัติศาสตร์มากทีเดียว
KH: แรงบันดาลใจนั้น
คือ…?
FL: นวนิยายกับภาพยนตร์!
KH: ฮะ!
ยังไงหรอ?
FL: เราเป็นคนชอบอ่านนวนิยายและดูภาพยนตร์มาก
อ่านและดูมาตั้งแต่ยังเด็กๆแล้ว
อีกทั้งเราชอบนวนิยายและภาพยนตร์ที่มีหลายภาคต่อกันน่ะ
ซึ่งมันจะเป็นเหตุเป็นผลต่อกันในแต่ละภาค โดยเฉพาะเรื่อง Star Wars และ The Lord of the Rings มันเป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นประวัติศาสตร์มากเลยนะ!
KH: แล้ว…?
FL: มันก็นำพาเราไปดูภาพยนตร์แนวอิงประวัติศาสตร์เรื่องอื่นๆน่ะสิ
จนทำให้เราต้องไปหาหนังสือที่เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องที่ได้ดูมาอ่าน
จนในที่สุดในตอน ม.6 เราเริ่มหลงรักประวัติศาสตร์เข้าแล้วจริงๆ…..
มันแปลกมากนะสำหรับเรา…เพราะว่าเรารู้สึกว่า
พอได้อ่านประวัติศาสตร์เยอะๆเข้า มันทำให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น พอๆกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์…
เราคิดว่านะ ถ้าประวัติศาสตร์กับวิทยาศาสตร์รวมกัน
คงจะเป็นอะไรที่วิเศษมากเลยล่ะ
KH: ว้าวววว…แล้วยังไงต่อๆ
FL: ก็…หลังจากที่ได้สอบเข้าคณะในกลุ่มสาขาทางวิทยาศาสตร์
ในมหาวิทยาลัยต่างๆมาบ้าง ก็พึ่งได้รู้ว่าสาขาประวัติศาสตร์มีอยู่ด้วยบนโลกใบนี้ 555
โง่นะที่พึ่งรู้
KH: ไม่โง่หรอก…มันจริงนะ ในประเทศเราเนี่ย นักเรียนมัธยม
หรือแม้แต่คนทั่วๆไปไม่ค่อยจะรู้จักสาขาของพวกเราเลย
FL: ใช่… เราก็เกือบไม่รู้ อิอิ
KH: แล้วนายก็เลยมาสอบที่
ม.อุบลฯ
FL:
เราไปสอบเข้าสาขาประวัติศาสตร์ 2 มหาลัย หนึ่งในนั้น คือ ม.อุบลฯ ในที่สุด เราเลือกที่ ม.อุบลฯ เพราะอาจารย์ที่สัมภาษณ์เราดูเก่งน่ะ
อิอิ
KH: ได้เรียนแล้วเป็นไงบ้าง
นี่นายก็เรียนมาจนกลางปีที่ 2 แล้ว?
FL: ก็ดีนะ
ถ้าถามว่ายังจดจำหรือชื่นชอบวิชาในสายวิทย์อยู่ไหม ก็ตอบได้ว่า
ยังจดจำและยังชอบเหมือนเดิม แต่การเรียนประวัติศาสตร์ที่นี่
ก็เป็นความท้าทายในอีกแบบ คือ มันเป็นการเรียนที่แตกต่างจาก
การใช้ทฤษฏีของสายวิทย์
ในการสร้างและแก้ปัญหาน่ะ เราคิดว่า การเรียนประวัติศาสตร์น่ะ
เป็นการใช้วิธีการสืบค้นข้อมูลและวิเคราะห์ในเชิงลึกต่อเรื่องๆหนึ่งหรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง
รวมถึงยังฝึกการเขียนให้กับเราได้มากเลย
และมันน่าจะสามารถใช้ได้กับหลายๆเหตุการณ์ในปัจจุบัน ที่คิดนะ มันทำให้เราสนใจน่ะ
อิอิ
KH: เห็นด้วยนะ
แล้วนายได้อะไรจากการเรียนประวัติศาสตร์บ้างล่ะ?
FL: ถามเยอะนะนิ่…ก็อย่างที่บอกน่ะ อย่างแรกเลยนะ สำหรับเรา การเรียนประวัติศาสตร์น่ะ
เป็นการเพิ่มทักษะการวิเคราะห์ในเชิงลึก การทำรายงานหรือทำงานวิจัยต่างๆ… แล้วก็ฝึกการเขียนและการรายงานอย่างมีเหตุและผล ซึ่งมันไม่ใช่การเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ
อย่างที่เคยเข้าใจในตอนเรียนมัธยม
KH: อ่อ…..จริงสินะ
FL: ยังมีอีกนะ
เรากำลังคิดว่าที่เราศึกษาในแต่ละด้านของประวัติศาสตร์ อย่างเช่น การศึกษาด้านเศรษฐกิจและการค้า
หรือการปกครอง แล้วก็…จากที่เราได้ทำรายงานเรื่อง การค้าระหว่างอยุธยากับญี่ปุ่น
มันทำให้เราได้ความรู้ด้านการบริหาร เศรษฐกิจ และการเจรจามากเลยทีเดียว ซึ่ง
เราเห็นว่ามันสามารถปรับใช้ได้ในปัจจุบันด้วย… ถ้าจะให้พูดนะ
ก็คือ การศึกษาประวัติศาสตร์น่ะ ทำให้เราได้รู้และเข้าใจสังคมในปัจจุบันอย่างรอบด้านแหละ
นอกจากนี้นะ เราก็ยังสามารถลงเรียนวิชาโทภาษาได้อีกด้วย (O_O)
KH: ดูเหมือนกำลังอินกับการเรียนประวัติศาสตร์มากเลยนะ
FL ซึ่งมันก็จริงเนอะ
FL: ขนาดเว็บบล็อกที่เราสร้างน่ะ
ยังสร้างขึ้นจากแนวคิดตั้งหลายเรื่องจากการเรียนประวัติศาสตร์นะ 555
KH: จริงนิ่
ดีมากเลย… ว่าแต่พ่อแม่ของนายเห็นด้วยอยู่หรอที่มาเรียนสาขานี้?
FL: แม่ไม่ค่อยว่าอะไรหรอก
แต่กับพ่อนี่สิ ถึงกับไม่ยอมรับเราเลยล่ะ จะให้เราย้ายสาขาด้วย แต่เราก็ไม่ยอมอ่ะ
ตอบไปเพียงว่า อยากลองเรียนดูก่อน ถ้าไม่ดีค่อยว่ากันอีกที จากนั้น พอมาเรียน
เราก็เลยพยายามอธิบายให้ท่านฟังเรื่อยๆในทุกวิถีทาง
เหมือนที่เรากำลังคุยกับนายตอนนี้แหละ ใช้เวลาเป็นปีแหนะ พอขึ้นปี 2 นี่แหละ ท่านก็เริ่มยอมรับเราได้และเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เราเรียนอยู่
KH: ก็ดีแล้วที่ในที่สุด
ท่านทั้งสองก็ยอมรับได้
FL: อื้ม
ตอนนี้ท่านก็คอยดูและสนับสนุนเราดี
KH: ไม่เหมือนเรานะ
ตอนเรียนมัธยมเราก็เป็นเด็กสายศิลป์อยู่แล้วอ่ะ เราชอบอ่านหนังสือมาก
เพราะตอนเด็กๆพ่อเราชอบไปปล่อยเราไว้ที่ห้องสมุด ขณะที่ท่านไปทำงานที่อื่น
และในห้องสมุดนั้นเอง
กลายเป็นสถานที่ที่ทำให้เราได้อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากมายเลย
FL: ที่เราเห็น
นายก็ดูมีข้อมูลเยอะนะ KH
KH: ไม่ขนาดนั้นหรอก
ก็แค่ชอบอ่านน่ะ แต่การอ่านประวัติศาสตร์มากๆของเรา
มันทำให้เราชื่นชอบและรักประวัติศาสตร์มากเลยนะ
พ่อแม่เราเองก็สนับสนุนด้วยเหมือนกันต่างจากพ่อแม่ของนายในตอนแรกน่ะ
จากนั้น ตอนที่มีการสอบรับตรง ม.อุบลฯ
เราก็มาสอบเข้าเรียนในสาขาประวัติศาสตร์จนได้มาเจอนายนี่แหละ FL ตอนแรกก็คิดว่าเป็นการอ่านแล้วก็จำมาทำข้อสอบทั้งหมดนะ
แต่ที่จริงแล้ว มีการวิเคราะห์อยู่มากเลยทีเดียว ซึ่งเราก็ชอบนะ
FL: “เมื่อทำหรือเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบและมีความสุขกับมันมากที่สุด
สิ่งนั้นก็จะนำพาเราไปสู่จุดหมายที่สูงที่สุดและดีที่สุดสำหรับเราเช่นกัน”
เคยมีคนบอกเราแบบนี้น่ะ เราเชื่อนะ และก็คิดว่าเราทั้งสอง
คิดถูกแล้วล่ะนะที่ได้เลือกในสิ่งที่สนใจจริงๆ ว่าม่ะ?
KH: อื้ม
เห็นด้วยมาก!... เอาล่ะ! พร้อมยัง
ได้เวลาที่ต้องไปเรียนรู้สิ่งที่เราพึ่งคุยกันเมื่อกี๊แล้วนะ ป่ะ ไปเรียนประวัติศาสตร์กัน
FL: พร้อมละ
ไปกันเลย!!! …..
(“FL” กับ “KH” เป็นอักษรย่อชื่อเล่นของนักศึกษาที่มีตัวตนจริงในหลักสูตรสาขาวิชาประวัติศาสตร์
คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น