11/10/55

ทำไมจึงเลือกเรียน "ประวัติศาสตร์"

จากการสนทนาของนักศึกษาหลักสูตรสาขาวิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
FL: อรุณสวัสดิ์ นั่งด้วยนะ ดีใจที่เจอนายก่อนใคร KH
KH: เช่นกัน FL อรุณสวัสดิ์เพื่อน เอ่อนี่ อยากรู้มานานละ ทำไมนายถึงได้มาเลือกเรียน สาขาประวัติศาสตร์ที่ ม.อุบลฯ?
FL: ถามได้ ก็ชอบน่ะสิ หรือ KH ไม่ชอบหรอ
KH: ป่าว เราก็ชอบ แต่เราแปลกใจน่ะ เพราะที่เรารู้มา นายเรียนสายวิทย์ มาตั้งแต่ ม.1 จนถึง ม.6 นายแข่งขันและเข้าค่ายทางวิทยาศาสตร์มาก็มาก ทั้งยังสอบได้คณะอื่น มหาลัยอื่นก่อนแล้ว ทำไมนายไม่ไปเรียนในสิ่งที่นายได้เรียนรู้มาตลอดในตอนมัธยมล่ะ
FL: อันนี้เราก็พูดยากอยู่นะ ไม่รู้สิ...ไอ้ที่เราเรียนมาน่ะ เราก็เรียนมันมากว่า 6 ปีแล้ว เราชอบวิชาคณิตศาสตร์มากในตอนช่วง ม.3 จนช่วง ม.ปลาย บอกตรงๆนะ เราไม่เคยไม่ชอบหรือปฏิเสธวิชาในสายวิทย์ โดยเฉพาะวิชาชีววิทยาหรือการที่ได้เข้าค่ายทางวิทยาศาสตร์ และเรายังผ่านการทำแล็บชีวะมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เล่มล่ะ ที่จริง เราก็ชอบวิชานี้มาก


KH: ก็แล้วทำไม นายถึงมาเลือกเรียนสาขาวิชานี้ แทนที่จะเป็นสาขาในกลุ่มคณะวิทยาศาสตร์?
FL: นั้นก็เพราะว่า เราคิดว่า เราเรียนสายวิทยาศาสตร์มานานแล้ว ถึงอาจจะถนัดในสายวิทย์มากกว่าที่ได้มาศึกษาในสาขาประวัติศาสตร์ในตอนนี้ แต่นั้นไม่สำคัญ เท่ากับที่เราได้เลือกเรียนในสิ่งที่เราชอบมากที่สุด ซึ่งเราได้พบแรงบันดาลใจในช่วง ม.6 นี้เอง ทำให้เราชอบประวัติศาสตร์มากทีเดียว
KH: แรงบันดาลใจนั้น คือ…?
FL: นวนิยายกับภาพยนตร์!
KH: ฮะ! ยังไงหรอ?
FL: เราเป็นคนชอบอ่านนวนิยายและดูภาพยนตร์มาก อ่านและดูมาตั้งแต่ยังเด็กๆแล้ว อีกทั้งเราชอบนวนิยายและภาพยนตร์ที่มีหลายภาคต่อกันน่ะ ซึ่งมันจะเป็นเหตุเป็นผลต่อกันในแต่ละภาค โดยเฉพาะเรื่อง Star Wars และ The Lord of the Rings มันเป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นประวัติศาสตร์มากเลยนะ!
KH: แล้ว…?
FL: มันก็นำพาเราไปดูภาพยนตร์แนวอิงประวัติศาสตร์เรื่องอื่นๆน่ะสิ จนทำให้เราต้องไปหาหนังสือที่เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องที่ได้ดูมาอ่าน จนในที่สุดในตอน ม.6 เราเริ่มหลงรักประวัติศาสตร์เข้าแล้วจริงๆ….. มันแปลกมากนะสำหรับเราเพราะว่าเรารู้สึกว่า พอได้อ่านประวัติศาสตร์เยอะๆเข้า มันทำให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น พอๆกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เราคิดว่านะ ถ้าประวัติศาสตร์กับวิทยาศาสตร์รวมกัน คงจะเป็นอะไรที่วิเศษมากเลยล่ะ

KH: ว้าววววแล้วยังไงต่อๆ
FL: ก็หลังจากที่ได้สอบเข้าคณะในกลุ่มสาขาทางวิทยาศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยต่างๆมาบ้าง ก็พึ่งได้รู้ว่าสาขาประวัติศาสตร์มีอยู่ด้วยบนโลกใบนี้ 555 โง่นะที่พึ่งรู้
KH: ไม่โง่หรอกมันจริงนะ ในประเทศเราเนี่ย นักเรียนมัธยม หรือแม้แต่คนทั่วๆไปไม่ค่อยจะรู้จักสาขาของพวกเราเลย
FL: ใช่ เราก็เกือบไม่รู้ อิอิ
KH: แล้วนายก็เลยมาสอบที่ ม.อุบลฯ
FL: เราไปสอบเข้าสาขาประวัติศาสตร์ 2 มหาลัย หนึ่งในนั้น คือ ม.อุบลฯ ในที่สุด เราเลือกที่ ม.อุบลฯ เพราะอาจารย์ที่สัมภาษณ์เราดูเก่งน่ะ อิอิ
KH: ได้เรียนแล้วเป็นไงบ้าง นี่นายก็เรียนมาจนกลางปีที่ 2 แล้ว?
FL: ก็ดีนะ ถ้าถามว่ายังจดจำหรือชื่นชอบวิชาในสายวิทย์อยู่ไหม ก็ตอบได้ว่า ยังจดจำและยังชอบเหมือนเดิม แต่การเรียนประวัติศาสตร์ที่นี่ ก็เป็นความท้าทายในอีกแบบ คือ มันเป็นการเรียนที่แตกต่างจาก
การใช้ทฤษฏีของสายวิทย์ ในการสร้างและแก้ปัญหาน่ะ เราคิดว่า การเรียนประวัติศาสตร์น่ะ เป็นการใช้วิธีการสืบค้นข้อมูลและวิเคราะห์ในเชิงลึกต่อเรื่องๆหนึ่งหรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง รวมถึงยังฝึกการเขียนให้กับเราได้มากเลย และมันน่าจะสามารถใช้ได้กับหลายๆเหตุการณ์ในปัจจุบัน ที่คิดนะ มันทำให้เราสนใจน่ะ อิอิ
KH: เห็นด้วยนะ แล้วนายได้อะไรจากการเรียนประวัติศาสตร์บ้างล่ะ?
FL: ถามเยอะนะนิ่ก็อย่างที่บอกน่ะ อย่างแรกเลยนะ สำหรับเรา การเรียนประวัติศาสตร์น่ะ เป็นการเพิ่มทักษะการวิเคราะห์ในเชิงลึก การทำรายงานหรือทำงานวิจัยต่างๆ แล้วก็ฝึกการเขียนและการรายงานอย่างมีเหตุและผล ซึ่งมันไม่ใช่การเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ อย่างที่เคยเข้าใจในตอนเรียนมัธยม
KH: อ่อ…..จริงสินะ
FL: ยังมีอีกนะ เรากำลังคิดว่าที่เราศึกษาในแต่ละด้านของประวัติศาสตร์ อย่างเช่น การศึกษาด้านเศรษฐกิจและการค้า หรือการปกครอง แล้วก็จากที่เราได้ทำรายงานเรื่อง การค้าระหว่างอยุธยากับญี่ปุ่น มันทำให้เราได้ความรู้ด้านการบริหาร เศรษฐกิจ และการเจรจามากเลยทีเดียว ซึ่ง เราเห็นว่ามันสามารถปรับใช้ได้ในปัจจุบันด้วยถ้าจะให้พูดนะ ก็คือ การศึกษาประวัติศาสตร์น่ะ ทำให้เราได้รู้และเข้าใจสังคมในปัจจุบันอย่างรอบด้านแหละ นอกจากนี้นะ เราก็ยังสามารถลงเรียนวิชาโทภาษาได้อีกด้วย (O_O)
KH: ดูเหมือนกำลังอินกับการเรียนประวัติศาสตร์มากเลยนะ FL ซึ่งมันก็จริงเนอะ
FL: ขนาดเว็บบล็อกที่เราสร้างน่ะ ยังสร้างขึ้นจากแนวคิดตั้งหลายเรื่องจากการเรียนประวัติศาสตร์นะ 555
KH: จริงนิ่ ดีมากเลยว่าแต่พ่อแม่ของนายเห็นด้วยอยู่หรอที่มาเรียนสาขานี้?
FL: แม่ไม่ค่อยว่าอะไรหรอก แต่กับพ่อนี่สิ ถึงกับไม่ยอมรับเราเลยล่ะ จะให้เราย้ายสาขาด้วย แต่เราก็ไม่ยอมอ่ะ ตอบไปเพียงว่า อยากลองเรียนดูก่อน ถ้าไม่ดีค่อยว่ากันอีกที จากนั้น พอมาเรียน เราก็เลยพยายามอธิบายให้ท่านฟังเรื่อยๆในทุกวิถีทาง เหมือนที่เรากำลังคุยกับนายตอนนี้แหละ ใช้เวลาเป็นปีแหนะ พอขึ้นปี 2 นี่แหละ ท่านก็เริ่มยอมรับเราได้และเริ่มเข้าใจในสิ่งที่เราเรียนอยู่
KH: ก็ดีแล้วที่ในที่สุด ท่านทั้งสองก็ยอมรับได้
FL: อื้ม ตอนนี้ท่านก็คอยดูและสนับสนุนเราดี
KH: ไม่เหมือนเรานะ ตอนเรียนมัธยมเราก็เป็นเด็กสายศิลป์อยู่แล้วอ่ะ เราชอบอ่านหนังสือมาก เพราะตอนเด็กๆพ่อเราชอบไปปล่อยเราไว้ที่ห้องสมุด ขณะที่ท่านไปทำงานที่อื่น และในห้องสมุดนั้นเอง กลายเป็นสถานที่ที่ทำให้เราได้อ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากมายเลย
FL: ที่เราเห็น นายก็ดูมีข้อมูลเยอะนะ KH
KH: ไม่ขนาดนั้นหรอก ก็แค่ชอบอ่านน่ะ แต่การอ่านประวัติศาสตร์มากๆของเรา มันทำให้เราชื่นชอบและรักประวัติศาสตร์มากเลยนะ
พ่อแม่เราเองก็สนับสนุนด้วยเหมือนกันต่างจากพ่อแม่ของนายในตอนแรกน่ะ จากนั้น ตอนที่มีการสอบรับตรง ม.อุบลฯ เราก็มาสอบเข้าเรียนในสาขาประวัติศาสตร์จนได้มาเจอนายนี่แหละ FL ตอนแรกก็คิดว่าเป็นการอ่านแล้วก็จำมาทำข้อสอบทั้งหมดนะ แต่ที่จริงแล้ว มีการวิเคราะห์อยู่มากเลยทีเดียว ซึ่งเราก็ชอบนะ
FL: เมื่อทำหรือเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบและมีความสุขกับมันมากที่สุด สิ่งนั้นก็จะนำพาเราไปสู่จุดหมายที่สูงที่สุดและดีที่สุดสำหรับเราเช่นกัน” เคยมีคนบอกเราแบบนี้น่ะ เราเชื่อนะ และก็คิดว่าเราทั้งสอง คิดถูกแล้วล่ะนะที่ได้เลือกในสิ่งที่สนใจจริงๆ ว่าม่ะ?
KH: อื้ม เห็นด้วยมาก!... เอาล่ะ! พร้อมยัง ได้เวลาที่ต้องไปเรียนรู้สิ่งที่เราพึ่งคุยกันเมื่อกี๊แล้วนะ ป่ะ ไปเรียนประวัติศาสตร์กัน
FL: พร้อมละ ไปกันเลย!!! …..
(FL กับ “KHเป็นอักษรย่อชื่อเล่นของนักศึกษาที่มีตัวตนจริงในหลักสูตรสาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น